สามผู้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง วีรบุรุษแห่งนาโกย่า โนบุนะกะ ฮิเดโยชิ และอิเอยาสุ | 特集 | Visit Nagoya-ข้อมูลการท่องเที่ยวนาโกย่า
  1. หน้าหลัก
  2. สกู๊ปพิเศษ
  3. สามผู้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง วีรบุรุษแห่งนาโกย่า โนบุนะกะ ฮิเดโยชิ และอิเอยาสุ

สกู๊ปพิเศษ

สามผู้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง วีรบุรุษแห่งนาโกย่า โนบุนะกะ ฮิเดโยชิ และอิเอยาสุ

The Three Unifiers, Heroes of Nagoya Nobunaga, Hideyoshi and Ieyasu





ผู้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่ง ยอดนักรบในยุคสงครามกลางเมืองหรือเซนโคคุที่สู้รบเพื่อรวมญี่ปุ่นเป็นหนึ่งเดียว และนำความสงบสุขมาสู่ผืนแผ่นดิน ยอดนัดรบทั้ง 3 ท่านนี้เกิดที่นาโกย่า ทั้ง 3 ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษ และทั้ง 3 ท่านก็มีนิสัยที่แตกต่างกัน มีเพลงที่แสดงถึงนิสัยของวีรบุรุษทั้ง 3 ท่านได้เป็นอย่างดี เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องดังนี้
เจ้านกคัคคู หากเจ้าไม่ร้อง ข้าก็จะฆ่าทิ้งเสีย
- โอดะ โนบุนะกะ
เจ้านกคัคคู หากเจ้าไม่ร้อง ข้าก็จะจะทำให้เจ้าร้อง
- โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ
เจ้านกคัคคู หากเจ้าไม่ร้อง ข้าก็จะรอจนกว่าเจ้าจะร้อง
-โทคุกาว่า อิเอยาสุ
เพราะเหตุนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในนาโกย่าจะมีสถานสำหรับระลึกถึงวีรบุรุษทั้งหลายเหล่านี้อยู่มากมาย เรามาเจาะลึกสถานที่ที่ท่านวีรบุรุษทั้ง 3 เคยมาเยี่ยมเยือนนั้นมีที่ไหนกันบ้าง

โชกุนโอดะ โนบุนะกะ

หนึ่งในผู้ปกครองซามูไรในยุคสงครามกลางเมืองที่มีประวัติเป็นปริศนาอย่างมาก ผู้มีสง่าราศีและเป็นนักปฏิวัติ เนื่องจากเขาเกิดที่นาโกย่าจึงมีสถานที่สำหรับให้ระลึกถึงโนบุนะกะอยู่มากมาย แต่หนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง คือ สนามรบโอเคะฮะซะเมะ

ในปี พ.ศ. 2103 อิมะกะวะ โยชิโมะโตะและกองพลทหารมากกว่า 25,500 รายที่เขานำทัพมาได้เข้าโจมตีพื้นที่ปกครองของโนบุนะกะ และได้ตั้งแคมป์ในพื้นที่ที่เป็นหุบเขาซึ่งรู้จักกันในชื่อโอเคะฮะซะมะ โนบุนะกะได้เคลื่อนทัพออกจากปราสาทคิโยสุ และถึงแม้ว่าจะมีกำลังพลแค่ประมาณ 2,500 คน หรือในอัตราส่วน 1 คนต่อศัตรู 10 คน เขาจึงไม่ได้เข้าโจมตีศัตรูจากปราสาทที่พำนัก แต่โจมตีผู้บุกรุกด้วยวิธีของเขาเอง

ระหว่างนั้น โนบุนะกะและบรรดากองพลของเขาได้หยุดพักอยู่ที่ศาลเจ้าอะทสึตะจินกูศาลเจ้าของศาสนาชินโตที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อขอพรให้รบชนะศัตรู เมื่อโยนเหรียญขอพร ก็พบว่าเหรียญทั้ง 5 ของเขาและกองทัพหันขึ้นด้านเดียวกันทั้งหมด จึงมั่นใจและดีใจว่านี่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี

เขาจึงได้เคลื่อนพลไปที่โอเคะฮะซะมะที่ปัจจุบันอยู่ชานเมืองนาโกย่าทางตอนใต้ โนบุนะกะเลือกนำทัพไปทางอ้อมเพื่อไปยังสถานที่ที่สามารถมองเห็นฐานทัพของอิมะกะวะได้ บรรดาซามูไรของอิมะกะวะยินดีกับชัยชนะที่กำลังใกล้เข้ามา ความร้อนในเดือนมิถุนายนและความคิดว่าตนเองอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย ทำให้พวกเขาปลดอาวุธและดื่มเหล้าเมามายในตอนที่โนบุนะกะเข้าโจมตี กองทัพของโนบุนากะได้ตรงไปที่แคมป์ของแม่ทัพอิมะกะวะ โยชิโมโตะและเข้าจู่โจมกองทัพอิมะกะวะทันทีแบบไม่ทันตั้งตัว อิมะกะวะถูกตัดหัวในทันทีและโนบุนะกะได้ประกาศชัยชนะ มีสถานที่อยู่ 2 แห่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการรบพุ่งที่เกิดขึ้นนั้น สวนเล็ก ๆ ในเขตมิโดริ นาโกย่าและสวนในเมืองโทโยอะเคะที่อยู่ติดกัน แผนที่และสัญลักษณ์ที่ตั้งไว้ ณ สถานเหล่านั้นสามารถนำทางคุณไปยังสถานที่ที่เป็นที่ระลึกถึงโยชิโนบุและอิมะกะวะ โยชิโมโตะได้ เช่น ฐานที่มั่นในวัดเซนโชจิในสวนที่โยชิโมโตะถูกฆ่า วัดโจฟุคุจิที่คอของโยชิโมโตะผู้พ่ายแพ้ฝังอยู่ และร่องรอยของหลุมศพนะนะทสึซุคะที่โนบุนะกะได้สั่งการให้คนท้องถิ่นฝังศพผู้เสียชีวิตในสนามรบ เป็นต้น

หลังจากชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ โนบุนะกะได้มาไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลเจ้าอะทสึตะจินกู และเพื่อที่จะรักษาวัดที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เอาไว้ เขาได้สร้างประตูขนาดใหญ่และรั้วที่ทั้งสูงและหนาซึ่งทำจากดินและกระเบื้องล้อมรอบ ประตูและรั้วนี้ได้ถูกทำลายลจากการโจมตีทางอากาศสมัยสงครามโลกครั้งที่สองไปเกือบหมด แต่ส่วนหนึ่งของรั้วที่ยังรู้กันว่าเป็นรั้วของโนบุนะกะนั้นได้ถูกเก็บรักษาไว้กลางป่าเหมือนกับได้โอบล้อมศาลเจ้าอะทสึตะจินกูเอาไว้ แฟนคลับของเขาและผู้คนที่นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็มักจะเดินทางมาเยือนที่นี่อยู่เรื่อย ๆ เหมือนกับที่โนบุนะกะได้ไปที่ศาลเจ้าก่อนรบที่โอเคะฮะซะมะ

หลายปีหลังจากนั้น โนบุนะกะสะสมชัยชนะตลอดมา โดยมุ่งหวังจะทำให้ประเทศเป็นหนึ่งเดียวและนำความสงบสุขมาให้แก่พื้นที่แห่งนี้ แต่ ในปี พ.ศ.2124 ก่อนที่เขาจะประสบความสำเร็จในการรวมญี่ปุ่น อะเคะจิ มิตสึฮิเดะ โชกุนคนหนึ่งที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจเป็นอย่างยิ่ง กลับหักหลังเขาและแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูด้วยเหตุผลใดก็ไม่อาจทราบ มิตสึฮิเดะ เข้าโจมตีโนบุนะกะที่่วัดฮอนโนะจิในเกียวโต เมื่อรอบตัวอยู่ในความชุลมุนวุ่นวาย โนบุนะกะที่ได้รับบาดเจ็บจึงเผาอุโบสถวัด และกระทำการฮาราคีรีตามวิถีของซามูไรและจมอยู่ในกองเพลิง
ศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู
ศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู
ศาลเจ้าอัตสึตะจิงกู

โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ

โทโยโทมิ ฮิเดโยชิเป็นลูกของทหารเดินเท้าอะชิกะรุชั้นต่ำ และไต่เต้าขึ้นมาเป็นทหารของโนบุนะกะได้ด้วยปัญญาที่เฉียบแหลมและพรสวรรค์ด้านการเมืองที่ชาญฉลาด
ตอนที่โชกุนอะเคชิ มิตสึฮิเดะผู้เป็นศัตรูหักหลังและฆ่าโนบุนะกะผู้เป็นนาย ฮิเดโยชิสู้รบในสถานที่ที่ปัจจุบัน คือ จังหวัดโอคะยะมะ ฮิเดโยชิได้สงบศึกกับฝ่ายตรงข้ามทันทีและเคลื่อนทัพกลับมาตั้งฐานทัพอยู่ที่เกียวโตหลายวัน จากนั้นจึงเข้าโจมตีกองทหารของอะเคจิจนได้รับชัยชนะ

ด้วยการรบแก้แค้นแทนผู้เป็นนาย ทำให้ฐานะของฮิเดโยชิสูงกว่าบรรดาข้ารับใช้ของตระกูลโอดะอีกครั้ง ด้วยการชักใยลูกหลานและข้ารับใช้ของโนบุนากะผู้ยิ่งใหญ่อย่างแยบยลทำให้ฮิเดโยชิได้อำนาจมาเป็นของเขาในนามของซัมโบชิ หลานชายของโนบุนะกะ

คาดกันว่าฮิเดโยชิเกิดในสถานที่ที่ปัจจุบัน คือ ศาลเจ้าโทะโยะคุนิ ในสวนนะคะมุระ เมืองนาโกย่า 80 เมตรทางตะวันตกของศาลเจ้าเป็นอนุสรณ์สถานฮิเดะโยชิ คิโยมะสะ ที่นี่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับฮิเดโยชิและลูกพี่ลูกน้องที่เป็นนักรบเหมือนเขา ตาโตะ คิโยมะสะ นอกจากนี้ห่างออกไป 80 เมตรทางตะวันออกของศาลเจ้าเป็นที่ตั้งของวัดโจเสน มีอนุสาวรีย์ของชายที่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นไทโก (หมายถึงโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ) ต้นไม้ที่คาดว่าฮิเดโยชิเป็นผู้ปลูก และของที่เป็นมรดกมากมายของวีรบุรุษในพื้นที่นี้

ฮิเดโยชิสืบทอดความคิดรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเดียวที่ฮิเดโยชิพยายามผลักดันให้เกิดขึ้น ก่อนที่เขาจะถึงแก่กรรมในปี พ.ศ. 2141 ได้ทำให้ประเทศที่ล่มสลายจากการต่อสู้กลับคืนสู่ความสงบ และทิ้งลูกชายอายุ 5 ขวบไว้สืบทอดอำนาจ เพื่อที่จะรักษาโลกที่สงบสุขชของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิได้ตั้งโกะไทโร หรือผู้อาวุโสทั้งห้าโดยแต่งตั้งขึ้นจากไดเมียวที่มีอิทธิพลในช่วงสงครามระหว่างประเทศ เพื่อปกครองแทนลูกชายของเขาไปก่อนที่ลูกชายของเขาจะเติบใหญ่ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าของโกะไทโรนี้ คือ โทคุกาว่า อิเอยาสุ

โทคุกาว่า อิเอยาสุ

อิเอยาสุเกิดที่ปราสาทโอคะซากิ จังหวัดไอจิ เมื่อปี พ.ศ. 2086 ปีที่การต่อสู้ในสมัยสงครามกลางเมืองดุเดือดเป็นอย่างยิ่ง ที่ดินที่พ่อของเขาปกครองนั้น ทางตะวันออกถูกกดดันจากตระกูลโอดะ ทางเหนือและตะวันออกถูกกดดันจากตระกูลอิมะกะวะ เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปจึงจำเป็นต้องหาพวกพ้อง แต่การตัดสินใจว่าจะเชื่อใจใครดีนั้นเป็นชนวนให้เกิดการสู้รบของเขากับคนในตระกูลนั้นเอง เขาที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับอิมะกะวะ ได้ส่งตัวอิเอยาสุที่ตอนนั้นอายุ 6 ขวบให้อิมะกะวะในฐานะตัวประกัน แต่ซามูไรที่ได้ฝากให้ส่งตัวลูกชายไปให้อิมะกะวะ คิดว่าการเป็นพันธมิตรกับตระกูลโอดะเป็นประโยชน์แก่โอกะซะกิมากกว่า บุตรชายจึงถูกส่งไปให้พ่อของโนบุนะกะ อิเอะยาสุเป็นตัวประกันของตระกูลโอดะตั้งแต่อายุ 6 ขวบถึง 9 ขวบ และเพราะมีการเปลี่ยนตัวหลังจากนั้นจึงถูกส่งตัวไปให้อิมะกะวะ โยชิโมโตะ และอยู่ที่นั่นอีก 10 ปี

อิเอยาสุได้รับการปล่อยตัวจากตระกูลอิมะกะวะเมื่อตอนอายุ 19 ปี ในปี พ.ศ. 2049 คือ ตอนที่อิมะกะวะ โยชิโมโตะถูกโอดะ โนบุนะกะฆ่าตายในการต่อสู้ที่โอะเคะฮะซะมะ หลังจากนั้น โทคุกะว่าได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโนบุนะกะ และต่อมาก็เข้าร่วมกับโทโยโทมิ ฮิเดโยชิอีก

ในปี พ.ศ. 2143 หลังจากที่ฮิเดโยชิถึงแก่กรรมไปได้สองปี ประเทศได้แตกแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ ทหารฝ่ายตะวันตกของตระกูลโทยโยโทมิ และทหารฝ่ายตะวันตกที่จงรักภักดีต่ออิเอยาสุ ทหารทั้งสองฝ่ายเข้ารบพุ่งกันที่เสคิกะฮะระ พื้นที่ที่อยู่กึ่งกลางประเทศญี่ปุ่น ห่างออกมาจากนาโกย่าทางทิศตะวันตกแค่ 50 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการต่อสู้ของซามูไรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซามูไร 1 แสน 6 หมื่นคนสู้รบกันเป็นเวลานาน 7 ชั่วโมง และอิเอยาสุได้ประกาศชัยชนะ 2 ปีต่อมา โทคุกาว่า อิเอยาสุก็ได้ขึ้นเป็นโชกุน

ถึงกระนั้น ในระหว่างที่ผู้ที่จงรักภักดีต่อตระกูลโทโยโทมิยังอยู่ที่โอซาก้าก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดสงครามอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพตะวันตกรุกรานพื้นที่ปกครองของทหารตะวันออก และป้องกันเมืองเอโดะ (โตเกียว) ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของอิเอยาสุ จึงได้สร้างปราสาทขนาดมหึมาขึ้นที่นาโกย่า อยู่เหนือปราสาทของตระกูลโอดะที่อิเอยาสุถูกจับมาอยู่ในช่วงเป็นเด็ก ปราสาทนาโกย่าเป็นหนึ่งในปราสาทที่น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่งและได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างยอดเยี่ยมที่สุด จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจอย่างแท้จริง อิเอยาสุได้เข้าโจมตีโอซาก้าสองครั้งจากปราสาทนาโกย่าที่ตกแต่งด้วยปลาคาร์ปหัวสิงห์บนหลังคา และทำลายร่องรอยสุดท้ายของตระกูลโทโยโทมิ ทำให้ทั่วประเทศญี่ปุ่นถูกปกครองเป็นปึกแผ่น เขาถึงแก่กรรม 2 ปีหลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2159 เมื่ออายุ 73 ปี

ปราสาทนาโกย่าและพระราชวังฮงมารุซึงเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงนั้นควรอยู่ในรายการสถานที่ต้องไปในอันดันต้น ๆ บรรดาหลานของโยชินะโอะ ลูกชายของอิเอยาสุ ซึ่งเป็นผู้ปกครองแคว้นนาโกย่าเป็นรุ่นแรกได้จัดการดูแลรักษาปราสาท ช่วงล่มสลายชนชั้นศักดินาในปี พ.ศ. 2411 ปราสาทที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีนี้ก็ได้ถูกโอนให้แก่รัฐบาล ปราสาทนาโกย่าเป็นปราสาทแรกที่ได้รับการกำหนดให้เป็นมรดกชาติเมื่อปี พ.ศ. 2473 ในนาโกย่าซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งอิเอยาสุได้วางไว้ให้เป็นฐานที่มั่นนี้ ต่อมาได้สร้างหอศิลป์โทคุกาว่าเก็บรวบรวมรักษาสิ่่งของที่โดดเด่นระดับโลก เช่น อาวุธของไดเมียว เกราะ งานศิลปะและงานหัตถกรรมที่กำหนดให้เป็นมรกชาติหลายชิ้น กิโมโน ข้าวของเครื่องใช้ของโชกุนโทคุกาว่า อิเอยาสุ สวนโทคุกาว่าที่อยู่ติดกับหอศิลป์และปราสาทนาโกย่าเป็นสถานที่เพียงไม่กี่แห่งในนาโกย่าที่ห้ามพลาดมาเยี่ยมชมให้ได้โดยเด็ดขาด
ปราสาทนาโกย่า
ปราสาทนาโกย่า

นาโกย่า บ้านเกิดของบรรดาวีรบุรุษ

จิตใจของผู้รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 ท่านนี้ ยังคงอยู่ในลมหายใจของเมืองนาโกย่า เดินตามรอยของบรรดาวีรบุรุษของนาโกย่าพร้อมสัมผัสจิตใจที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นไปด้วย
go to page top

SEARCH

  • Special feature
  • Event
  • Tourist attraction
  • Sightseeing tour
  • Model course
  • Souvenir of Nagoya
  • Gourmet
  • Staying